หน้าหลัก
ITA
LPA
ประกาศจากระบบ e-GP
ประกาศจากระบบ e-GP ในเครือข่าย
เทศบาลตำบล หนองม่วงไข่ ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้
ยอมรับ
หน้าหลัก
หน้าหลัก
ข้อมูลหน่วยงาน
ข้อมูลหน่วยงาน
บุคลากร
บุคลากร
การบริหารบุคคล
การบริหารบุคคล
ข่าวสาร
ข่าวสาร
แผน
แผน
รายงาน
รายงาน
ระเบียบ
ระเบียบ
บริการประชาชน
บริการประชาชน
 
สำนักงานเทศบาลตำบลหนองม่วงไข่
โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลหนองม่วงไข่
หลวงพ่อพุทธจักรลานนาไทย
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ทต.หนองม่วงไข่
"หนองม่วงไข่น่าอยู่ คู่เกษตรปลอดภัย
ใส่ใจการศึกษาวัฒนธรรมประเพณี ประชาชนมีวิถีชีวิตพอเพียง"
วิสัยทัศน์ เทศบาลตำบลหนองม่วงไข่
นายขจร ธรรมไชยางกูร
นายกเทศมนตรีตำบลหนองม่วงไข่
เทศบาลตำบลหนองม่วงไข่
อำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่
1
2
3
4
5
  สถานที่สำคัญ
 

อนุสรณ์สถานเสรีไทย  (จังหวัด แพร่)
คลิกที่ภาพเพื่อขยาย

ลำดับภาพที่ 1/2

ลำดับภาพที่ 2/2
<<
>>
X
 
ชื่อสถานที่ : อนุสรณ์สถานเสรีไทย
 
ที่ตั้ง : บริเวณสนามเสรีไทย ตลาดสดหนองม่วงไข่ ม.3 ต.หนองม่วงไข่ อ.หนองม่วงไข่ แพร่
 
ข้อมูล : คุณทองได้ชวนคุณทวีศักดิ์และคุณอ้วน ลือวัฒนานนท์ ออกเดินทางไปค้นหาร่มและสัมภาระที่บ้านปากห้วยอ้อยเป็นเวลาหลายวันแต่ก็ไม่พบจนเสบียงหมด ต้องกลับไปหาเสบียงอาหารอีกหลายครั้งก็ยังไม่พบเช่นเคย มีอยู่วันหนึ่งขณะที่พวกเรากำลังออกค้นหากันอย่างเหนื่อยอ่อนได้พากันหลบเข้าไปพักในโบสถ์ของวัดพระธาตุปูแจซึ่งตั้งอยู่เนินเขาในป่า ซึ่งก็เกือบถูกพวกชาวบ้านที่ไปพบเข้าพากันล้อมจับส่งทางอำเภอเสียแล้ว เพราะขณะนั้นทางการได้ประกาศให้สอดส่องแนวที่ห้า ตอนนั้นมีชาวบ้านคนหนึ่งเผอิญไปเห็นพวกเราเข้า จึงไปรายงานให้ทางกำนันทราบว่ามีแนวที่ห้า เป็นคนจีนหนึ่งคน(คือคุณทอง ซึ่งมีรูปร่างขาวเหมือนคนจีน) และแขกคนหนึ่ง (คือคุณทวีศักดิ์ เพราะผิวค่อนข้างคล้ำและยังไม่ได้โกนเครา) มาหลบอาศัยในโบสถ์ของวัดพระธาตุปูแจ กำนันจึงตีเกราะเคาะไม้เรียกราษฎรทั้งหมู่บ้านไปล้อมรอบวัดพระธาตุไว้แล้ว "กำนันจันทร์” ซึ่งเป็นหัวหน้าได้บุกเข้าไปถึงในโบสถ์ พอเห็นคุณทองซึ่งเคยรู้จักกันเข้า จึงทักขึ้นว่า “นี่คุณทอง...... มาทำอะไรกันที่นี่” คุณทองก็เลยบอกว่า “มาสำรวจไม้แป ซึ่งส่างมุ้งทำค้างไว้” ก็เลยเป็นอันว่า ไม่ได้เป็นแนวที่ห้าตามที่ถูกกล่าวหา
เมื่อได้ค้นหากันไม่พบแล้ว คุณทองจึงได้กลับไปรายงานให้ศูนย์ที่กรุงเทพฯได้ทราบพร้อมทั้งส่งข่าวให้คุณทวีศักดิ์ลงไปกรุงเทพฯโดยด่วน เพื่อจะส่งให้คุณทวีศักดิ์เดินทางไปเมืองเดลฮี ประเทศอินเดีย โดยเรือดำน้ำ เพื่อไปฝึกด้านวิทยุสื่อสาร ณ ที่ตั้งหน่วยงานที่เดลฮี เมื่อฝึกงานเสร็จแล้วจะให้มากระโดดร่มลงเพื่อปฏิบัติงานต่ออีก แต่เผอิญการคมนาคมของช่วงนั้นไม่สะดวก ใช้เวลาเดินทางถึง ๘ วัน จึงลงมาถึงกรุงเทพฯ จึงไม่ทันเดินทางไปเมืองเดลฮีกับเรือดำน้ำ ทางศูนย์จึงเปลี่ยนแผนฝึกอาวุธและโค๊ตสัญญาณต่าง ๆ เป็นเวลา ๑ เดือน แล้วจึงเดินทางกลับขึ้นมาปฏิบัติงานต่อ งานแรกที่เมืองแพร่ทางศูนย์ได้ให้คุณทวีศักดิ์หาสถานที่ ที่จะเอาพลร่มและเสบียงอาหารพร้อมทั้งอาวุธ จึงเลือกเอาที่“แพะเปียง” เป็นจุด เพราะเห็นว่าเป็นที่ราบสูงมีต้นไม้เตี้ย ๆ ไม่หนาแน่นนัก และอยู่ห่างจากหมู่บ้านไม่เท่าไร
เรื่องราวเกี่ยวกับแผนที่คุณทวีศักดิ์ ไม่ถนัดจึงกำหนดเอาอำเภอสองเป็นจุดเริ่มต้นให้เครื่องบินล่องมาตามลำน้ำยมทางทิศใต้ เป็นระยะทาง ๑๒ กิโลเมตร เป็นจุดที่ทิ้งสัมภาระ เมื่อได้แจ้งข่าวไปทางกรุงเทพตามนี้แล้ว ต่อมาอีก ๑ อาทิตย์ คุณทองก็ได้ขึ้นมาจากกรุงเทพพร้อมทั้งกำหนดวันให้เตรียมไปรับพลร่มสัมภาระและอาวุธ เมื่อถึงกำหนดคุณทวีศักดิ์และพรรคพวก จึงนำเกวียนเข้าไปรอรับที่ “แพะเปียง”ไปรอกันอยู่จนเกือบเที่ยงคืนก็ยังไม่เห็นวี่แวว จึงปรึกษากันว่าคงจะมีเหตุขัดข้องหรือมาไม่ถูกอะไรทำนองนั้น พูดคุยกันได้สักประเดี๋ยว ก็ได้ยินเสียงเครื่องบินกระหึ่มดัง ใกล้เข้ามาจึงได้ส่งสัญญาณไปให้นักบินได้ทราบ ตามที่ได้เรียนมาจนทางเครื่องบินตอบรับ จนแน่ใจแล้ว จึงให้พรรคพวกจุดกองไฟ ทำเครื่องหมายเป็นรูปตัว ที เพื่อจะให้ทิ้งร่มให้ถูกทาง เมื่อจุดกองไฟเป็นเครื่องหมายแล้วเครื่องบินก็โฉบมาวน ๑ รอบ แล้วปล่อยพลร่มลงมาเป็นลำดับแรก พอรอบที่สอง จึงทิ้งสัมภาระและอาวุธลงมาอีก ๒๘ ร่ม ตกลงมาโดนกิ่งไม้หักโครมครามกันสนั่นป่า โดยเฉพาะพลร่มชื่อ "นายสโรช โล่สุวรรณ” นั้นลงมาไม่ถึงพื้นดินกับเขาเพราะร่มเกิดไปห้อยอยู่บนต้นไม้ ต้องช่วยกันปีนขึ้นบนต้นไม้ไปปลดเอาตัวลงมากันทุลักทุเล แล้วจัดการเอาชุดหม้อฮ่อม ให้เปลี่ยน พร้อมทั้งตั้งชื่อคำเมืองให้เป็น “หนานรส” ทันที ตกลงคืนนั้นทั้งคืน เป็นอันไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเพราะตื่นเต้นกลัวว่าพวกญี่ปุ่นจะรู้เข้า และจะต้องช่วยกันรวบรวมสัมภาระต่างๆ กันจนสว่างแล้ว พากันหลบซ่อนอยู่ในป่า พอตกกลางคืนจึงลำเลียงสัมภาระทั้งหมดบรรทุกเกวียนเข้ามายังบ้านหนองม่วงไข่ (แล้วมาตั้งสถานีวิทยุรับส่งอยู่ที่สวนหลังบ้านของนายยงยุทธ สินธุวงศ์ เดี๋ยวนี้) ขณะเดี๋ยวกันก็ได้เริ่มติดต่อกับหน่วยงานทางกรุงเทพ แต่การติดต่อก็ไม่สะดวกมากนัก อุปสรรคเกิดจากแบตเตอรี่ที่ใช้งาน ซึ่งไฟไม่ค่อยจะพออยู่เสมอๆ ใช้ได้ไม่นานก็หมดหม้อ การอัดไฟก็ยากลำบาก สถานที่ปฏิบัติงานก็ต้องขุดเป็นอุโมงค์เพื่อเก็บเสียงไม่ให้ดังออกมาข้างนอก ในระหว่างที่ทำงานส่งข่าวสารอยู่ที่บ้านหนองม่วงไข่ คุณทวีศักดิ์ได้ออกไปหาข่าวสารจุดสถานที่ตั้งกองทหารของพวกญี่ปุ่นทั้งที่เมืองแพร่ และ ลำปาง (เช่นที่แพร่ก็ป่าสัก แม่จั้วะ เด่นชัย ลำปางก็ที่หลังโรงไฟฟ้า เก๊าจาว) เพื่อส่งข่าวไปทางเดลฮีให้เครื่องบินสัมพันธมิตรมาทำลายหน่วยที่ตั้งของทหารญี่ปุ่น
พอมาตั้งหน่วยงานที่บ้านหนองม่วงไข่ได้ประมาณ ๒ เดือน พวกญี่ปุ่นชักจะรู้ระแคะระคายข่าวคราวหน่วยงานของพวกเราเข้าบางแล้ว เพราะสายสืบได้แจ้งให้ทราบว่ามีพวกญี่ปุ่นมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่ปากทางเข้าบ้านหนองม่วงไข่บ่อยครั้ง พวกเสรีไทยในหนองม่วงไข่จึงได้ย้ายหน่วยงานรับส่งวิทยุเข้าไปอยู่ที่ “ดอยผาป่อง” ต.เวียงต้า อ.ลอง ไปติดตั้งเครื่องรับส่งวิทยุอยู่บนดอยสูง การติดต่อกับทางเมืองนอกจึงค่อยสะดวกปลอดภัยขึ้น เพราะสถานีอยู่ห่างจากหมู่บ้าน แต่เรื่องของอาหารการกินค่อนข้างจะลำบากมาก ต้องอยู่กันอย่างอดๆ อยากๆ
มีอยู่วันหนึ่งถึงเวลาอาหารกลางวันไม่มีกับข้าวอื่นใดอยู่เลย นอกจากหมูส้มค้างเดือนอยู่ห่อเดียว คุณทวีศักดิ์จึงลงไปที่ลำห้วย เก็บผักกูดยอดอ่อนมาใส่หม้อต้มแล้วบี้หมูส้มค้างเดือนใส่ลงจนหมดพอแกงสุก ลงมือกินกันอย่างเอร็ดอร่อยเอากระบอกไม้มาตักน้ำแกงซดจนหมดหม้อ อาหารพิเศษมื้อนี้เข้าใจว่าคุณทองคงจะจำอย่างไม่รู้ลืม จนกระทั่งคราวหนึ่งได้พากันลงไปที่กรุงเทพฯกันและไปทานอาหารกันที่ภัตตาคารห้อยเทียนเหลา อาหารอย่างดีเรียงรายกันเต็มโต๊ะ คุณทองมองแล้วยังพูดสัพยอกขึ้นว่า “อาหารมื้อนี้ ว่าไปแล้วยังสู้ หมูส้มค้างเดือนกับยอดผักกูดที่ผาบ่องมื้อนั้นไม่ได้
พวกเขาพยายามอดทนต่อสู้กับความยากลำบาก อยู่ถึง ๓ เดือนเห็นว่าจะไปไหวแน่แล้ว จึงได้ย้ายจาก “ผาบ่อง” ไปอยู่ที่“ห้วยถ้ำป่าแม่แฮต” เพราะมีแหล่งน้ำดีกว่าการหาเสบียงกรังก็สะดวกและอยู่ใกล้กับ “เเพะเปียง” เมื่อได้ติดตั้งเครื่องส่งเรียบร้อยแล้วก็ได้นัดแนะให้ทางครูฝึกหน่วยนอก ส่งครูฝึกลงมาเพื่อฝึกพลพรรค และอีกไม่กี่วันต่อมาก็มีการส่งพลร่มครูฝึกเสบียงอาหาร พร้อมทั้งอาวุธ มาลงที่แพะเปียงตามเดิม แล้วคุณทองก็ให้คุณทวีศักดิ์และคุณอ้วน ออกหาพลพรรคเข้ามาทำการฝึก เป็นรุ่นๆรุ่นละ ๑๐๐ คน ซึ่งส่วนมากจะเป็นพวกครูประชาบาล ขณะที่กำลังฝึกพลพรรคอยู่นั้น มีคนไทย ๒ คน เป็นผู้นำญี่ปุ่นเข้ามาสืบข่าวคราวของพวกเรา แต่เข้ามาไม่ถึงเพราะทางเราได้จัดยามดักอยู่ที่ต้นทางที่จะเข้าแล้วยามก็ได้จัดการกับญี่ปุ่น ๒ คนและคนไทยอีก ๑ คนฝังเสีย ส่วนคนไทยอีกหนึ่งคนที่เดินทางล่วงหน้าเข้ามาก่อนถูกพวกเราจับนำตัวไปที่แคมป์ สอบสวนดูมีหลักฐานว่า ได้รับจ้างจากญี่ปุ่นให้นำทาง เพื่อค้นหาหน่วยที่ตั้งของพวกเราจริง คุณทองและพรรคพวก จึงได้ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดี หากขืนปล่อยตัวไปก็จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งกับพวกเรา คุณทวีศักดิ์จึงอาสานำตัวออกจากแคมป์ไปประมาณ ๕๐๐ เมตร แล้วลงมือจัดการฝังเสีย และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา บรรดาพลพรรคที่อยู่ที่แคมป์ ซึ่งก็ได้รู้และเห็นวิธีการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” จึงไม่มีใครกล้าที่จะเอาเรื่องออกมาแพร่พรายข้างนอกอีกขณะที่การฝึกพลพรรคได้ผ่านไปประมาณ ๕ รุ่น จำนวนผู้คนทั้งหมด ๕๐๐ คนเศษก็พอดีเป็นโชคของเมืองไทยเพราะญี่ปุ่นยอมแพ้ พวกเราเลยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ แต่อย่างใดสงครามสงบลงเสียก่อน
เมื่อเสร็จสิ้นสงครามแล้ว ทางฝ่ายสัมพันธมิตร อันมีอเมริกากับอังกฤษ ก็จะคิดบัญชีกับประเทศไทยในฐานะที่ร่วมมือกับญี่ปุ่นในการรบ แต่ทางฝ่ายไทยก็ได้นำเอา“เสรีไทย” มาเป็นข้ออ้าง จึงได้ปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้
งานเสรีไทยเป็นงานปิดทองหลังพระได้มีการสาบานกัน ก่อนตั้งขบวนการว่า หากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว “เสรีไทย” จึงได้สลายตัวเหลือไว้แต่เกียรติให้เป็นที่ภาคภูมิใจแก่ลูกหลานผู้อยู่เบื้องหลังสืบไป
 
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

 
ผู้เข้าชม 1460 ท่าน         
 
เริ่มนับ วันที่ 29 ส.ค. 2554
รับเรื่องร้องเรียน
โทร : 054-506-014,
054-506-013
จำนวนผู้เข้าชม 8,161,541 เริ่มนับ 29 ส.ค. 2554 จัดทำโดย : NAXsolution.com
แผนผังเว็บไซต์
Version ขั้นต่ำของ Browser IE9 / Firefox 3.5 / Chrome / Safari4 / Opera10